บทความ / ข่าว

คุมแล้ว ทำไมยังท้อง?
03/06/2016 09:28

เรื่อง: รัชดา ธราภาค มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.)

ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 3 มิถุนายน 2559

ปัญหาการตั้งครรภ์ โดยไม่ได้ตั้งใจ ใช่จะเกิดแต่กับคนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการคุมกำเนิด แต่เชื่อเถอะว่า มีไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ทั้งที่มีการคุมกำเนิดแล้ว แต่ก็ยังตั้งท้องอีกจนได้ 

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการคุมกำเนิดทุกวิธีจะว่าไปแล้วแทบไม่มีวิธีไหนสามารถรับรองผลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ โอกาสผิดพลาดเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะความผิดพลาดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้ใช้

เราลองมาดูประสิทธิภาพที่แตกต่างกันของวิธีการคุมกำเนิดแต่ละชนิด 

 ถุงยางอนามัย ที่จริงแล้ว ถุงยางอนามัยมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดต่ำเมื่อเทียบกับอีกหลายวิธี โดยสมรรถนะในการป้องกันการตั้งครรภ์อยู่ที่ 82-98 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งความเสี่ยงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความชำนิชำนาญของผู้ใช้ มีความเป็นไปได้ที่ถุงยางอาจฉีก ขาด แตก รวมทั้งต้องระวังหากใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม อย่างสารหล่อลื่นบางชนิด ซึ่งมีผลต่อถุงยางทำให้บางเปื่อยและฉีกขาดได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งที่ไม่มีอุปกรณ์อื่นใดจะมาทดแทนได้ คือคุณสมบัติในการป้องกันโรค หลายคนแม้จะใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น แต่ก็ใช้ถุงยางควบคู่กันเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

 ยาเม็ดคุมกำเนิด ความสามารถในการป้องกันการตั้งครรภ์อยู่ที่ 91-99 เปอร์เซ็นต์ เงื่อนไขที่สำคัญของประสิทธิภาพ คือการกินยาอย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมระดับฮอร์โมนในร่างกาย ถ้าลืมกินยาบ่อยๆ จะทำให้ประสิทธิภาพลดลง และมีผลกระทบต่อการทำงานของร่างกาย

วงแหวนคุมกำเนิด และแผ่นแปะคุมกำเนิด สองวิธีนี้ ทำงานกับระดับฮอร์โมนในร่างกายและให้ผลในการคุมกำเนิดเทียบเท่ายาเม็ดคุมกำเนิด คนที่ชอบลืมกินยาอาจเลือกสองวิธีนี้ โดยวงแหวนใช้ใส่ในช่องคลอดหนึ่งอันมีอายุใช้งาน 1 เดือน ส่วนแผนแปะคุมกำเนิด หน้าตาคล้ายพลาสเตอร์ยาแผ่นสี่เหลี่ยมจตุรัสอันเล็กๆ ใช้แปะบริเวณผิวหนังอ่อนๆ โดยเปลี่ยนแผ่นทุกสัปดาห์ 

• ยาคุมกำเนิดชนิดฝัง ห่วงคุมกำเนิด และการทำหมัน ทั้งสามวิธีให้ผลค่อนข้างแน่นอน โอกาสผิดพลาดน้อยมาก แต่ต้องรับบริการจากบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญ

• ยาคุมฉุกเฉิน ถือเป็นวิธีเสริมเมื่อการคุมกำเนิดอื่นล้มเหลว ให้ผลป้องกันการตั้งครรภ์ 75-85 เปอร์เซ็นต์ ผู้ใช้มักสับสนเรื่องระยะเวลาการกินยา ซึ่งจะมีผลต่อประสิทธิภาพของยา และเนื่องจากเป็นยาที่ปริมาณฮอร์โมนสูง มีผลค่อนข้างมากต่อการทำงานของร่างกาย จึงไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ

 การนับหน้า 7 หลัง 7 และการหลั่งนอก เป็นสองวิธียอดนิยม ที่นำไปสู่การตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจได้มากที่สุด สาเหตุจากวงจรรอบเดือนของคนเรามักไม่เป๊ะจนสามารถนำมาใช้เพื่อกะเกณฑ์การปฏิสนธิได้ เช่นเดียวกับการหลั่งนอกที่ความว่องไวของคุณผู้ชายมักต่ำกว่าอัตราเร็วในการเคลื่อนตัวของอสุจิ ทั้งสองวิธีจึงถือว่าไร้ประสิทธิภาพจนสากลโลกไม่ยอมรับว่าเป็นวิธีการคุมกำเนิดมานานแล้ว

ทุกคู่จึงควรพูดคุยสื่อสารกันแต่ต้น ว่าจะใช้วิธีการใดในการคุมกำเนิด ทั้งนี้ ขึ้นกับความเหมาะสมในด้านสุขภาพ รูปแบบความสัมพันธ์ ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ร่วมกัน ความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายและความยากง่ายในการซื้อหาเข้าถึงอุปกรณ์การคุมกำเนิดแต่ละชนิดเป็นสำคัญ